การทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านมือสอง ทำได้ทั้งหมดกี่วิธี กี่แบบ แบบไหนดีกว่ากัน
(1). การทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านมือสองกับเจ้าของโดยตรง
ผู้ซื้อจะต้องจัดหาผู้ที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมาเป็นที่ปรึกษา
แต่หากใช้สัญญามาตรฐานของกรมที่ดิน
หรือสามารถขอความช่วยเหลือจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
ก็พอจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ทั้งนั้นให้หลีกเลี่ยงการทำสัญญาโดยพูดจาในทุกกรณี อาจเพราะความสเน่หาหรือเพื่อเลี่ยงภาษีหรืออื่นๆ เพื่อป้องการปัญหาในอนาคต ให้เน้นเป็นลายลักษณ์อักษร และทำต่อหน้าเจ้าพนักงานจะเป็นการดีที่สุด
...
(2). การทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านมือสองผ่านนายหน้า
วิธีนี้ต้องอาศัยความน่าเชื่อถือ ความเชื่อใจเป็นสำคัญ ให้อ่านข้อความในสัญญาให้ครบถ้วนก่อนเซ็นต์เอกสารจะซื้อจะขายและให้ทำสำเนาไว้ด้วยฉบับหนึ่งทุกครั้ง รวมถึงอาจจะต้องเตรียมเงินวางมัดจำประมาณ 10% ของราคาบ้านในวันทำสัญญาหรือแล้วแต่ตกลง
...
(3). การทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านมือสองกับสถาบันการเงิน
ให้พิจารณายอดอนุมัติวงเงินกู้เช่าซื้อบ้านว่าได้จำนวนเงินทั้งหมดเท่าไหร่ ซึ่งธนาคารจะแจ้งก่อนล่วงหน้าอยู่แล้ว เพื่อให้เราเตรียมจำนวนเงินส่วนที่ขาดไว้ให้เพียงพอกับจำนวนสินเชื่อที่ธนาคารอนุมัติ เพราะโดยปกติแล้วธนาคารจะไม่ปล่อยสินเชื่อเต็ม 100% ของราคาบ้าน
อาจะ 70% 80% หรือ 90% ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระเงินของแต่ละบุคคล ฉะนั้นผู้ซื้อจึงต้องเตรียมเงินสำหรับวางมัดจำไว้ส่วนหนึ่ง หรือ ไม่น้อยกว่า 10%
ของราคาบ้านนั่นเอง
...
(4). การทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านมือสองโดยการประมูลจากกรมบังคับคดี
ผู้ซื้อจะต้องเตรียมเงินสดจำนวน 50,000 บาท (ในกรุงเทพมหานคร) และ 40,000 บาท
(ในต่างจังหวัด)
เพื่อใช้เป็นเงินมัดจำในการประมูลและเมื่อประมูลได้แล้วต้องวางเงินมัดจำอีก
25% ของราคาทรัพย์ รวมกับเงินวางประกันในวันนั้น ที่เหลืออีก 75%
ชำระภายใน 15 วัน นับแต่วันทำสัญญาซื้อขาย
สิ่งสำคัญ คือ ให้ดูทรัพย์ที่ประมูลก่อนวันที่ประมูลจริงทุกครั้ง เพื่อพิจารณาว่าราคาสมเหตุสมผลอยู่ที่เท่าไหร่ ต้องซ่อมแซมมากไม่ น้ำ ไฟ ใช้ได้หรือเปล่า หรือ ค้างชำระค่าน้ำไฟ จำนวนเท่าไหร่ เราเคยร่วมประมูลบางที่ค้างค่าน้ำค่าไฟร่วมเจ็ดหมื่นบาท ซึ่งเราต้องชำระเองทั้งหมด เพื่อจะได้ต่อน้ำต่อไฟได้
ข้อสำคัญที่สุดอีกประการ คือ มีผู้อาศัยอยู่หรือไม่ เพราะเมื่อเราประมูลมาได้แล้ว ต้องมาทำเรื่องขับไล่ จนขึ้นโรงขึ้นศาลกันมามากต่อมากแล้ว
...
สรุปว่าการทำสัญญาใดๆเรื่องการซื้อขายบ้านมือสอง ผู้ซื้อจะต้องศึกษาหาความรู้หรือถามผู้รู้ให้ดีก่อนทุกครั้ง เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาจนไม่อยากอยู่ อยู่ไม่เป็นสุข และอยากจะขายทิ้งเลยทีเดียวเชียว